เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับห้างใหม่ไลฟ์สไตล์คนเมือง “แสงทองพลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต” เมื่อวันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา โดยมีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ซึ่งงานนี้ได้รับเกียรติจากคุณสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง มาเป็นประธานในพิธีเปิด และร่วมผัดเส้นหมี่จักรพรรด์ บนกระทะยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตรพร้อมกับสุดยอดเชฟแห่งประเทศไทย 20 ท่าน และในงานยังมีกิจกรรมเฉลิมฉลองกันอย่างมากมาย อาทิ โชว์มังกรปีนเสาและเชิดสิงโต เพื่อต้อนรับเทศกาลตรุษจีนสุดอลังการ นอกจากนี้ยังมีซุ้มอาหารที่เตรียมไว้รับรองแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนที่มาร่วมงาน รวมไปถึงลูกค้าที่มาจับจ่ายสูงสุดภายในงาน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 12.00 น. รับของขวัญพิเศษ! สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง มูลค่า 10,000 บาท จำนวน 1 เส้น “แสงทองพลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต” เปิดให้บริการแล้ววันนี้
จากแสงทองซูเปอร์เซ็นเตอร์ที่ชาวระยองรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีมาเกือบ 30 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2530 โดย นายชื่นและนางปิยนันท์ ประเสริฐกิตติกุล รุ่นพ่อแม่นั้น วันนี้ แสงทองซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ส่งต่อธุรกิจให้รุ่นลูกบริหารทั้งหมดอย่างแท้จริง โดยบุตรสาวและบุตรชายรวม 3 คน ซึ่งมีประสบการณ์ในการคลุกคลีกับวงการค้าปลีกและค้าส่งมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มองเห็นโอกาสที่จะได้ขยายสาขาใหม่ เป็นสาขาที่ 3 โดยตั้งใจเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนรุ่นใหม่ หรือคนเมืองมากขึ้น ด้วยรูปแบบของสาขาที่มีความทันสมัย ลูกค้าสามารถเข้าถึง จอดรถ และจับจ่ายสินค้าอย่างสะดวกสบาย สินค้าในห้างนอกจากจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ยังเน้นกลุ่มที่เป็นเครื่องสำอาง สกินแคร์ และเพื่อสุขภาพที่ถือเป็นจุดแข็งมายาวนานของแสงทอง เมื่อเทียบกับซูเปอร์มาร์เก็ตในระดับเดียวกัน และยังได้เพิ่มไลน์อาหารสด อาหารพร้อมรับประทาน ตามไลฟ์สไตล์คนเมืองมากขึ้น ในชื่อ “แสงทองพลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต” ที่พลัสความสะดวกสบาย และความสุขให้กับลูกค้าทุกคน
“เราจะเป็นร้านค้าท้องถิ่นของคนไทย ที่พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนไทย” นี่คือวิสัยทัศน์ของคุณต้าว-เอกจิตรา ประเสริฐกิตติกุล กรรมการบริหารของแสงทอง ที่ดูแลภาพรวมของธุรกิจ และโฟกัสเรื่องการจัดซื้อสินค้าต่างๆ เข้าร้าน และเป็นที่มาของการขยายสาขาที่จัดเป็นสาขาที่ 3 ของแสงทอง ห้างแสงทองพลัสสาขาใหม่ ริมถนนสุขุมวิทนี้ มีพื้นที่ห้างทั้งหมด 3 ไร่, พื้นที่ขายมากถึง 800 ตร.เมตรพร้อมที่จอดรถกว่า 50 คัน โลเกชั่นใจกลาง เข้าออกสะดวก เราใช้เวลาก่อสร้าง 12 เดือนด้วยเงินลงทุนกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งในระยะ 6 เดือนแรก คาดว่ายอดขายเดือนละ 15 ล้าน เมื่อการทำตลาดอย่างเต็มที่ คาดว่า ยอดขายปีละ 250 ล้าน โดยในระยะแรกนี้ เราตั้งงบการตลาดโฆษณาประชาสัมพันธ์ ในช่วง 6 เดือน ประมาณ 3 ล้านบาท และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 10% และแน่นอนว่า จุดแข็งของเราเรื่องสินค้าหลากหลาย ตอบลูกค้าได้ตรงจุด ยังคงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเสมอมา โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มเครื่องสำอางและสกินแคร์เมื่อเทียบกับห้างอื่นในขนาดเดียวกัน สินค้ามีความหลากหลายแต่จุดเด่นเน้นสุขภาพทั้งภายในและภาพนอก ภายในก็ได้แก่อาหารสดและอาหารพร้อมปรุงต่างๆ รวมถึงผักและผลไม้จากสวนดังของระยองและทั่วประเทศ รวมถึงเคาน์เตอร์สินค้าดูแลสุขภาพส่วนภายนอกนั้น ได้แก่สินค้าเพื่อความงาม ดูแลผิวพรรณต่างๆ ที่จัดได้ว่ามีสินค้าที่ครอบคุลมและครบถ้วนกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตในขนาดเดียวกัน และมีสินค้าอุปโภคบริโภคที่วางจำหน่ายประมาณ 15,000 SKU
“เราบริหารพนักงานแบบครอบครัว ให้ความรักความอบอุ่น ขณะเดียวกันก็ต้องมีความเป็นมืออาชีพในหน้าที่ของตัวเอง รวมถึง Cash Flow ที่แข็งแกร่ง ทำให้แสงทองพร้อมอย่างมากในการเปิดสาขาใหม่นี้” คุณหลา-ดารุณี ประเสริฐกิตติกุล กรรมการบริหารผู้ที่ดูแลในด้านบุคคลากร และฝ่ายบัญชีการเงินของบริษัทฯ กล่าวต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “พนักงานส่วนใหญ่อยู่กับเรามาเป็นสิบปี บางคนอยู่กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ทำให้รู้งาน มีประสบการณ์ และสามารถส่งต่อความรู้ให้กับพนักงานรุ่นใหม่ๆได้เป็นอย่างดี ทำให้เราไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องคนเลย รวมถึงการวางระบบเรื่องกระแสเงินสดอย่างดีและแข็งแกร่งมากมาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณพ่อ เมื่อเราซื้อสินค้ามาจัดจำหน่ายในห้างจากซัพพลายเออร์ผู้ผลิตล็อตใหญ่ด้วยเงินสด ทำให้เราสามารถต่อรองราคาลดพิเศษได้มากกว่าคนอื่น และได้สินค้าราคาต้นทุนที่ถูกลง ก็สามารถขายต่อให้กับลูกค้าได้ในราคาถูกด้วย และค่าใช้จ่ายในส่วนที่เรียกว่า Fix cost ไม่สูงเหมือนห้างใหญ่ๆ ลูกค้าประจำจึงไม่หนีไปไหน เพราะราคาสินค้านี่เอง”
“ร้านใหม่ของเรา เน้นการออกแบบที่ทันสมัย กว้างขวาง จับจ่ายสบาย เข้ากับไลฟ์สไตล์คนเมือง ด้วยการออกแบบห้างในแบบโมเดิร์น” คุณกอล์ฟ วรพล ประเสริฐกิตติกุล กรรมการบริหารอีกท่านที่ดูแลเรื่องการออกแบบและตกแต่งร้านใหม่ กล่าวเพิ่มเติม แสงทองพลัส โฟกัสกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนทำงานในเมืองเป็นหลักตามไลฟ์สไตล์คนเมือง และคนต่างชาติที่มาทำงานที่ระยอง แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลุ่มเดิมของห้างแสงทอง ซูเปอร์เซ็นเตอร์ไว้ด้วย ซึ่งคนเมืองกลุ่มนี้ ก็เป็นกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์เดียวกับผม ชอบอะไรเหมือนๆกัน ผมจึงมั่นใจว่า ผมมีความเข้าใจลูกค้ากลุ่มนี้เป็นอย่างมากและร้านนี้พร้อมตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้อย่างแท้จริง
ปัจจุบันในสภาวะการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในตลาด คุณภาพสินค้า การให้บริการ และราคาสินค้ารวมถึงความสะดวกสบายด้านต่างๆ คือปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อสินค้าของกลุ่มผู้บริโภค และนี่คือสิ่งที่ทำให้ห้างแสงทอง ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และแสงทองพลัส ซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นของระยอง และของคนไทย ได้รับการยอมรับมาอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน
ความเป็นมา ก่อนที่จะเป็น “แสงทองพลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต”
ก่อนที่จะมาเป็น “แสงทองพลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต” นั้น ชาวระยองได้รู้จักและใช้บริการ “ห้างแสงทองซูเปอร์เซ็นเตอร์” มาก่อน โดยห้างแสงทอง ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เริ่มก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2530 โดย นายชื่นและนางปิยนันท์ ประเสริฐกิตติกุล ซึ่งร้านแรกเริ่มนั้น เป็นร้านขายของชำท้องถิ่น (โชว์ห่วย) ในห้องแถวขนาดสองคูหาริมถนนสุขุมวิทใกล้ศูนย์การค้าระยองซึ่งเป็นจุดรวมรถประจำทาง โดยในระยะเริ่มแรกนั้น ห้างแสงทองจำหน่ายสินค้าของใช้ในบ้านเพียงไม่กี่ประเภทเท่านั้น และลูกค้าต้องจอดรถริมถนน ไม่มีที่จอดรถโดยเฉพาะแต่ด้วยความใสใจ ความขยันและอดทน ความเข้าใจลูกค้า และทำเลใกล้แหล่งชุมชน ห้างแสงทองจึงเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี 2540 (สิบปีผ่านไป) จากร้านขายของชำเล็กๆ ขนาดสองคูหา ห้างแสงทองก็ได้มีการขยายร้านไปยังที่ตั้งใหม่ โดยมาอยู่ที่ถนนราษฎร์บำรุง และขยายร้านให้มีขนาดใหญ่แบบที่เรียกว่า “ซูเปอร์เซ็นเตอร์” บนพื้นที่ 5 ไร่ และมีสินค้าจำหน่ายในร้านมากกว่า 20,000 รายการ พร้อมพื้นที่จัดวางสินค้าขนาดใหญ่ 2,000 ตร.เมตร จำหน่ายทั้งสินค้าปลีก และค้าส่ง รวมถึงมีลานจอดรถให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่มาจับจ่ายใช้สอยอีกด้วย และถึงแม้ว่าในปี 2540 จะเป็นปีต้มยำกุ้งก็ตาม แต่กับห้างแสงทองแล้ว กลับเป็นโอกาสอันดีที่ซูเปอร์มาร์เก็ตต่างชาติขนาดใหญ่หลายรายได้พับแผนที่จะมาเปิดตลาดที่ระยองไปชั่วคราว ห้างแสงทอง ในฐานะซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูกและยุติธรรมกับผู้บริโภค จึงได้เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นต้นมา
และในปี 2559 นี้ นับจากปีแรกที่เปิดห้างแสงทองด้วยระยะเวลาเกือบ 30 ปี จากรุ่นพ่อแม่ ห้าง แสงทองรุ่นสืบทอดกิจการรุ่นที่ 2 บริหารงานโดยบุตรสาวและบุตรชายรวม 3 คนของ นายชื่น และนางปิยนันท์ ประเสริฐกิตติกุล ซึ่งในรุ่นลูกนี้ จากประสบการณ์ในการคลุกคลีวงการค้าปลีกและค้าส่งมาอย่างต่อเนื่อง ก็ได้มองเห็นโอกาสใหม่นี้ ในการที่จะขยายสาขาใหม่ เป็นสาขาที่ 3 โดยให้เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่เป็นไลฟ์สไตล์คนเมืองมากขึ้น ด้วยรูปแบบของสาขาที่มีความทันสมัย ลูกค้าสามารถเข้าถึง จอดรถ และจับจ่ายสินค้าอย่างสะดวกสบาย สินค้าในห้างก็เน้นกลุ่มที่เป็นเครื่องสำอาง สกินแคร์ และเพื่อสุขภาพมากขึ้น รวมถึงเน้นอาหารสด อาหารพร้อมรับประทาน ตามไลฟ์สไตล์คนเมืองมากขึ้น ในชื่อ “แสงทองพลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต” ที่พลัสความสะดวกสบาย และความสุขให้กับลูกค้าทุกคน จึงได้ถือกำเนิดขึ้น
วิสัยทัศน์ของแสงทองพลัส
“เราจะเป็นร้านค้าท้องถิ่นของคนไทย ที่พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนไทย”
ข้อมูลพื้นฐาน
- แสงทองพลัส โฟกัสกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนทำงานในเมืองเป็นหลักตามไลฟ์สไตล์คนเมือง และคนต่างชาติที่มาทำงานที่ระยอง แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลุ่มเดิมของห้างแสงทอง ซูเปอร์เซ็นเตอร์ไว้ด้วย
- กลุ่มลูกค้าใหม่ที่เราโฟกัสอายุประมาณ อายุ 25 – 40 ปี
- พื้นที่ห้างทั้งหมด 3 ไร่ / พื้นที่ขาย 800 ตร.เมตร / ที่จอดรถกว่า 50 คัน
- โลเกชั่น ใจกลางเมือง ริมถนนสุขุมวิท เข้าออกสะดวก
- ใช้เวลาก่อสร้าง 12 เดือน ด้วยงบประมาณเงินลงทุน 30 ล้านบาท
- ในระยะ 6 เดือนแรก คาดว่ายอดขายเดือนละ 15 ล้านบาท
- เมื่อการทำตลาดอย่างเต็มที่ คาดว่า ยอดขายปีละ 250 ล้านบาท
- งบการตลาดโฆษณาประชาสัมพันธ์ ในช่วง 6 เดือน รวม 3 ล้าน และเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 10%
- ความคาดหวังในธุรกิจ คือห้างได้รับการยอมรับ และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาอยู่ในจ.ระยองให้มากขึ้น
- สินค้ามีความหลากหลายแต่จุดเด่นเน้นสุขภาพทั้งภายในและภาพนอก ภายในก็ได้แก่อาหารสดและอาหารพร้อมปรุงต่างๆ เช่น สินค้าเกษตรอินทรีย์, เนื้อหมูอนามัย S Pure / ผักและผลไม้คุณภาพจากสวนชั้นนำของระยองและทั่วประเทศ / สินค้าเพื่อความงาม ดูแลผิวพรรณต่างๆ ที่จัดได้ว่ามีสินค้าที่ครอบคุลมและครบถ้วนกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตในขนาดเดียวกัน
- สินค้าอุปโภคบริโภคที่วางจำหน่ายประมาณ 15,000 SKU
- ความภูมิใจ “เราเป็นร้านค้าท้องถิ่นคนไทย ที่มีการปรับตัวรองรับผู้บริโภคกลุ่มใหม่เสมอ สนับสนุนผู้ผลิตใหม่ๆ ในท้องถิ่น, สนับสนุน เพื่อรอยยิ้มและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ”