ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของ Corona Virus หรือวิกฤติการณ์ Covid-19 คนทั่วโลกต่างก็ตื่นตัวกับการหาวิธีการป้องกันตนเองและรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ จนเกิดคำศัพท์ใหม่ขึ้นมาที่ทุกคนควรรู้จักและทำความเข้าใจ นั่นคือคำว่า “Personal Distancing” ที่แปลว่าการรักษาระยะส่วนตัว และ“Social Distancing” ที่แปลว่าการรักษาระยะห่างทางสังคม
การรักษาระยะส่วนตัว เรียกง่ายๆ ก็คือการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล การงดเว้นการมีปฏิสัมพันธ์ในระยะใกล้ๆกับผู้คนรอบข้างของเรา ซึ่งเป็นหนึ่งหลักปฏิบัติที่สำคัญในช่วงการเฝ้าระวังตนเองจากเชื้อไวรัส Corona เราควรหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับผู้อื่นในระยะใกล้ชิด โดยระยะห่างที่แนะนำก็คือตั้งแต่ 2 เมตรหรือ 6 ฟุตขึ้นไป เพื่อป้องกันการได้รับละอองน้ำลายจากผู้อื่นที่อาจมีสิทธิ์เป็นพาหะโดยที่ไม่รู้ตัว ในขณะที่ยังมีหลักปฏิบัติอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับเวลานี้ ก็คือ Social Distancing การรักษาระยะห่างทางสังคม หรือเรียกง่ายๆว่า การนำพาตนเองให้ห่างไกลจากการเข้าสังคมซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือไม่ใช่แค่ในระดับบุคคลเท่านั้น แต่ภาครัฐ หน่วยงาน และองค์กรต่างๆก็ควรให้ความร่วมมือในการทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นด้วย เพื่อป้องกันการกระจายเชื้อไวรัสไปในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม
และเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เรามาดูหลักปฏิบัติ Social Distancing นี้ ที่จะทำให้เราปลอดภัยและห่างไกลจาก Covid-19 มากขึ้น
Work from home : ทำงานจากที่บ้าน
องค์กร / บริษัทต่างๆ ควรมีนโยบายให้พนักงานที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ หรือเริ่มมีอาการผิดปกติ กักกันตนเองที่บ้านเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน และสามารถทำงานจากที่บ้านได้ โดยใช้การติดต่อสื่อสารหรือประชุมผ่าน Line หรือ Skype แทน และพนักงานก็ควรให้ความร่วมมือ เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
Online contact : การติดต่อผ่านช่องทาง Online
หน่วยงานต่างๆควรปรับรูปแบบการติดต่อสื่อสารระหว่างองค์กรกับผู้บริโภค หรือลูกค้าผ่านช่องทาง onlineประกอบกับช่องทาง Call Center แทนการ ให้ลูกค้า walk in เข้ามาติดต่อถึงที่ เพื่อลดการติดต่อสื่อสารกันโดยตรงในระยะใกล้ชิด
Free Call/ Video Call : สื่อสารกันผ่านการโทรศัพท์ หรือ Video Call
ผู้ที่มีคนรู้จักติดเชื้อ Corona รักษาอาการป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล หรือต้องกักกันตนเองอยู่บ้าน แนะนำให้ใช้การโทรศัพท์ หรือ Video Call หากัน แทนการเดินทางไปเยี่ยมโดยตรง เพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ
Eat at home & Home delivery : ทานข้าวที่บ้าน
ควรหลีกเลี่ยงการออกไปทานข้าวนอกบ้านในร้านอาหารที่มีคนแน่น ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรค แนะนำให้สั่งอาหารมาทานที่บ้านแทน และต้องไม่ลืมที่จะล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังหยิบจับภาชนะและบรรจุภัณฑ์ เพื่อความปลอดภัย
Use personal car : ใช้รถยนต์ส่วนตัว
ถ้าใครคิดว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ หรือถ้ากลัวการติดเชื้อจากการใช้รถสาธารณะ แนะนำให้เลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวแทน แม้ว่าในยามปกติเราควรจะสนับสนุนการใช้รถสาธารณะเพื่อแก้ปัญหาจราจร แต่ในยามนี้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง และผู้อื่นด้วย การใช้รถยนต์ส่วนตัวก็อาจปลอดภัยกว่า
Online shopping : Shopping ร้านค้าออนไลน์
ช่วงนี้ควรงดออกไปช็อปปิ้งตามศูนย์ การค้า หรือสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ลองหันมาซื้อของออนไลน์แทนกันสักระยะ เวลาที่ได้รับพัสดุไปรษณีย์ ก็ควรที่จะล้างมือให้สะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำอุ่นและสบู่ เพื่อป้องกันเชื้อที่อาจติดมากับกล่องพัสดุหรือสินค้า และควรเช็ดสินค้าด้วยแอลกอฮอล์ให้สะอาดด้วย เพื่อความปลอดภัย
No social events : งดจัดงาน/ออกงานสังคม
หน่วยงานต่างๆควรงดการจัดงาน และกิจกรรมต่างๆ ที่จะทำให้เกิดการรวมตัวกันของคนจำนวนมากในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรค อย่างน้อย 2-3 เดือน และตัวเราเองก็ควรงดพาตนเองไปร่วมกิจกรรมต่างๆเหล่านี้เช่นกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อไวรัสจากผู้อื่น
No party& Night life outside : งดสังสรรค์/ปาร์ตี้ และเที่ยวกลางคืน
ควรหลีกเลี่ยงการจัดงาน หรือออกงานสังสรรค์รื่นเริง ปาร์ตี้ งานแต่งงาน รวมทั้งการเที่ยวกลางคืนตามสถานบันเทิงนอกบ้าน ในช่วงที่มีการแพร่ของโรคระบาด เพราะนอกจากจะไปแบบไม่สนุกแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการแพร่เชื้อระหว่างกันด้วย
Close Educational Institutes : ปิดสถานศึกษาชั่วคราว
ในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรค ควรปิดสถานศึกษาต่างๆในพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างรุนแรง เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้นในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และตัวผู้ปกครองเอง ประเทศที่มีการควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพล้วนใช้นโยบายนี้ทั้งสิ้น
Avoid public swimming pool : งดว่ายน้ำในสระสาธารณะ
สระว่ายน้ำสาธารณะที่ใช้ร่วมกัน เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดี ช่วงนี้ควรงดเว้นการเล่นน้ำในสระสาธารณะที่มีคนใช้ร่วมกันจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดเชื้อ และทางผู้ประกอบการหรือเจ้าของสถานที่ก็ควรมีการดูแล ทำความสะอาด และฆ่าเชื้อสระน้ำให้เรียบร้อยหลังพ้นระยะของโรคระบาดอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจในเรื่องความสะอาดปลอดภัย
Skip exercise outside : งดออกกำลังกายนอกบ้าน
หากเป็นไปได้ ควรงดเว้นการไปออกกำลังกายตามฟิตเนส หรือยิมต่างๆจนกว่าการแพร่ระบาดของโรคจะดีขึ้น เพราะสถานที่เหล่านี้ผู้คนใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายร่วมกัน และเราไม่อาจแน่ใจได้ว่าผู้ประกอบการมีการรักษาความสะอาดที่ดีพอหรือไม่ ออกกำลังกายหรือหากิจกรรมทดแทนอย่างอื่นทำที่บ้านปลอดภัยสุดในช่วงนี้
Avoid spa/ massage places : งดการเข้าสปา หรือร้านนวด
การไปใช้บริการสปาหรือร้านนวดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยง เพราะพนักงานจะต้องสัมผัสกับร่างกายของลูกค้าโดยตรง และมีโอกาสอยู่ใกล้กันในระยะน้อยกว่า 1 เมตร หากพนักงานหรือลูกค้าติดเชื้อหรือเป็นพาหะ อาจติดต่อสู่กันได้อย่างง่ายดาย หากจะไปใช้บริการจริงๆ ก็ควรใส่หน้ากากอนามัย และมีการอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดหลังใช้บริการ
Avoid to travel : งดเดินทางพื้นที่เสี่ยง
ควรงดการเดินทางไปต่างประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือสถานที่ที่มีความเสี่ยงในการพบผู้ติดเชื้อ หากจำเป็นต้องเดินทางจริงๆ ก็ควรป้องกันตนเองด้วยวิธีการพื้นฐานต่างๆ และไม่ลืมที่จะใส่หน้ากากอนามัยในระหว่างอยู่ในสนามบิน ระหว่างโดยสารเครื่องบิน หรือรถโดยสารและหมั่นใช้เจลล้างมือระหว่างการเดินทาง หากกลับมาก็อย่าลืมกักกันตนเองด้วยอย่างน้อย 14 วัน