กรุงเทพ : 2 พฤศจิกายน 2560 – บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ เพื่อสร้างความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ เพื่อใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ของไทยยูเนี่ยน ทั้งพลาสติกที่ทำมาจาก ปิโตรเคมี (Petroleum-based) และเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Bio-based) เพื่อเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจอาหารทะเลของไทยยูเนี่ยน ทดแทนการนำเข้าวัตถุดิบ ลดต้นทุนการผลิต และสร้างนวัตกรรมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTGC กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งหวังที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของเม็ดพลาสติก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น จากความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ กับ ไทยยูเนี่ยน ซึ่งปัจจุบัน PTTGC และ ไทยยูเนี่ยน ได้เริ่มดำเนินการในหลายโครงการไปแล้ว เช่น การร่วมพัฒนาสูตรฟิล์มพลาสติกที่สามารถลดความหนาได้ถึง 30 % แต่ยังมีความทนทานเทียบเท่าฟิล์มแบบเดิม เพื่อใช้ในบรรจุภัณฑ์ของ ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ตั้งแต่ปลายปี 2015 นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาฟิล์มสำหรับปูบ่อกุ้งต้านแบคทีเรีย เพื่อบรรเทาปัญหาโรคกุ้งที่อาจเป็นสาเหตุการตายของกุ้ง
นอกเหนือจากการวิจัยและพัฒนาทางด้านผลิตภัณฑ์แล้ว ทั้งสองบริษัทยังร่วมกันสนับสนุนให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาทางนวัตกรรม Innovation Center ของ PTTGC และศูนย์นวัตกรรม Global Innovation Incubator (Gii) ของไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เชื่อมโยงการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อตอบสนองนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศไทย อีกด้วย
“ความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งเน้นในการพัฒนาความปลอดภัยและยั่งยืนของบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตของไทยยูเนี่ยน จากนโยบายด้านความยั่งยืนที่เรียกว่า SeaChange® เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำและสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ นวัตกรรมของกระบวนการผลิต บรรจุภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ เป็นส่วนสำคัญในการสร้างและก่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนกับทุกคน” นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยยูเนี่ยน กล่าว
การศึกษาและพัฒนาของทั้งสองบริษัท จะช่วยก่อให้เกิดนวัตกรรมในเรื่องของวัสดุและบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ไบโอพลาสติก (bioplastics) และพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (biodegradable plastics) เพื่อช่วยลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดขยะและวัตถุดิบ
เกี่ยวกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ โดยมีธุรกิจหลัก 8 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและสาธารณูปการ กลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ กลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เอทิลีนออกไซด์ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มธุรกิจ Performance Materials & Chemicals และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ฟีนอล นับเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นครบวงจรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นบริษัทชั้นนำในระดับภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกทั้งขนาดและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี
วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 125 พันล้านบาท (3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 46,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้ง แบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช เบลลอตต้า และมาร์โว่
จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่องมาโดยตลอดในเรื่องดังกล่าว จนส่งผลโดยรวมให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2560 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เมื่อเร็วๆ นี้อีกด้วย